• หน้าแรก
  •  
  • เติมเงิน
  •  
  • รายการสินค้า
  •  
  • วงจรโน๊ตบุ๊ค
  •  
  • ความรู้ไอที
  •  
  • เกี่ยวกับเรา
  •  
  • ติดต่อเรา
  •    
  • สมัครสมาชิก
  •    
  • เข้าสู่ระบบ
  •   
  • ซื้อ-ขายสินค้า

รายการสินค้า -

admin


สมัครเมื่อวันที่ : 2012-08-23 00:17:50


ไขข้อข้องใจระหว่าง DLP กับ LCD
รายละเอียด :     ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามกันอยู่เสมอว่า ระหว่างระบบ DLP กับ LCD ระบบใดดีกว่ากัน ? ทั้งสองระบบนี้ต่างก็มีข้อดีที่สามารถข่มอีกฝ่ายหนึ่งและก็มีข้อด้อยที่ถูกโจมตีจากอีกฝ่ายด้วย เรื่องจริงก็คือไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์โดยไม่มีที่ติ ดังนั้นจึงต้องศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของทั้งสองระบบแล้วจึงตัดสินใจว่าระบบใดดีที่สุด ซึ่งคำตอบของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าบุคคลคนนั้นจะสามารถยอมรับข้อดีและข้อเสียของระบบใดได้มากกว่ากัน



เทคโนโลยีที่แตกต่าง



LCD (Liquid Crystal Display) โปรเจคเตอร์ระบบนี้ถูกบรรจุด้วยแผ่นกระจก lcd สามแผ่นซึ่งแต่ละแผ่นจะมีสี แดง เขียว น้ำเงิน ในขณะที่แสงผ่านแผ่น lcd แต่ละ pixel ของแผ่น lcd จะทำหน้าที่ในการอนุญาตให้แสงผ่านหรือปิดกั้นไม่ให้แสงผ่าน pixel เล็กๆ เหล่านี้ก็เป็นเหมือนมู่ลี่นั่นเอง การทำงานลักษณะนี้ทำให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา



DLP (Digital Light Processing) เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Texas Instruments ซึ่งมีการทำงานที่แตกต่างไปจาก lcd แทนที่จะใช้แผ่นกระจก lcd ระบบ dlp ใช้ chip ที่ทำจากกระจกเล็กๆ จำนวนมากในการสะท้อนแสง กระจกแต่ละแผ่นเปรียบเสมือน pixel หนึ่ง pixel แสงจากหลอดภาพของโปรเจคเตอร์จะถูกส่งไปที่ผิวหน้าของ chip dlp กระจกเล็กๆ จะเปลี่ยนทิศทางไปมาเพื่อส่องแสงไปที่เลนส์และส่งแสงที่ไม่ต้องการไปที่ตัวดูดซับแสง ใน dlp โปรเจคเตอร์ระดับสูงได้มีการใช้ chip dlp ถึงสาม chip สำหรับสี แดง เขียว น้ำเงิน อย่างไรก็ดีโปรเจคเตอร์ที่มีราคาไม่สูงส่วนใหญ่มีเพียง chip เดียว ในการกำหนดสีจะใช้วงล้อที่ประกอบขึ้นจากสีแดง เขียว น้ำเงิน และบางทีอาจใช้สีขาว สีเขียวแก่และสีเหลืองด้วย วงล้อสีนี้จะหมุนอยู่ระหว่างหลอดภาพกับ dlp chip เพื่อสร้างเป็นสีต่างๆ ส่งไปที่ chip กระจกเล็กๆ บน chip จะคอยสะท้อนแสงสีต่างไปที่เลนส์ทำไห้เกิดเป็นภาพขึ้นมา



เปรียบเทียบการทำงาน



ทั้งสองเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา ความแตกต่างของระบบทั้งสองลดน้อยลงมาก แต่สิ่งที่ยังพูดถึงกันบ่อยๆ ก็คือ



ข้อแรก LCD นั้นให้ภาพที่สวยงามมีสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า DLP ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก dlp chip เดียวถูกสร้างมาสำหรับตลาด Presentation สีขาวถูกเพิ่มเข้าไปในวงล้อสีทำให้ภาพสว่างขึ้นก็จริง แต่ก็ทำให้สีผิดเพี้ยนไปด้วย ภาพที่ได้จาก DLP จึงไม่ค่อยอิ่มและสั่นซึ่งจะไม่ค่อยมีผลในการแสดงข้อมูล แต่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษถ้าจะใช้โปรเจคเตอร์สำหรับสัญญาณภาพที่มีลายละเอียดมากและเพื่อชดเชยข้อบกพร่องในเรื่องสีที่ไม่เป็นธรรมชาติและเพื่อปรับปรุงการแสดงสีให้ถูกต้องโปรเจคเตอร์ที่ถูกผลิตมาสำหรับ home theater และระบบวีดีโอคุณภาพสูงจะใช้วงล้อสีที่มีหกสี (six-segment) ซึ่งประกอบด้วยสีแดง เขียว น้ำเงิน สองชุดโดยได้ตัดสีขาวออกไป บางวงล้ออาจมีถึงเจ็ดหรือแปดสี ด้วยวงล้อสีนี้ช่วยเพิ่มความถูกต้องให้กับการแสดงสี



ข้อสอง ความแตกต่างอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความคมชัดในการแสดงข้อมูล LCD สามารถให้ภาพได้คมชัดกว่า DLP ในทุกๆ resolution สังเกตได้จากการฉายภาพที่มีลายละเอียดของข้อมูลที่เป็นลายเส้น อย่างไรก็ดีไม่มีความแตกต่างที่มองเห็นได้ชัดในการแสดงภาพวีดีโอ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า DLP จะแสดงภาพที่เป็นข้อมูลและลายเส้นไม่ได้เรื่อง DLP สามารถแสดงผลออกมาได้ชัดดีทีเดียวเพียงแต่เมื่อนำ DLP และ LCD ที่มี resolution เท่ากันมาวางฉายคู่กัน จากการเปรียบเทียบแล้วดูเหมือนว่า LCD จะให้ความคมชัดมากกว่า



ข้อสาม LCD นั้นมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างที่ดี LCD สามารถผลิตแสงที่มีค่า ANSI lumens ได้มากกว่า DLP ด้วยหลอดภาพที่กำลังไฟฟ้า (watt lamp) เท่าๆ กัน มีโปรเจคเตอร์จำนวนมากที่ถูกผลิตออกมาด้วยค่า 3000 – 6000 lumens ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโปรเจคเตอร์ในระบบ LCD ดังนั้น LCD จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อต้องการความสว่างมากๆ



LCD Projector มีข้อด้อยอยู่สามข้อซึ่งจะเกี่ยวกับการแสดงภาพมากกว่าในเรื่องการแสดงข้อมูล



ข้อแรกก็คือสามารถมองเห็นความไม่ต่อเนื่องของ pixel ได้ง่ายบนจอภาพ ข้อสองภาพที่ปรากฏบนจอภาพจะมีลักษณะเป็นตารางซึ่งเป็นผลมาจากมีช่องว่างระหว่าง pixel มาก ข้อที่สามมีค่า contrast ต่ำ ที่ผ่านมา LCD โปรเจคเตอร์ไม่เป็นที่พอใจนักในหมู่ผู้ที่ชอบชมภาพยนตร์เนื่องมาจากเหตุผลเหล่านี้ อย่างไรก็ตามใน LCD โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ จะพบว่าปัญหาเหล่านี้ได้ถูกลดน้อยลง ช่องว่างระหว่าง pixel ถูกทำให้ลดลงและเพิ่มจำนวน pixel ให้มากขึ้น เมื่อฉายภาพด้วยระยะที่เหมาะสมข้อเสียต่างๆ เหล่านี้จะไม่ปรากฏให้เห็นเลย



DLP เทคโนโลยีนั้นสร้าง pixel ด้วยกระจกเงาเล็กๆ จึงให้ภาพที่นุ่มนวลและมี pixel ที่ชิดกันมากกว่า LCD ดังนั้นไม่ว่าจะด้วย resolution ใด DLP จะเหนือกว่า LCD ในเรื่องการแสดง pixel



ว่าด้วยเรื่อง contrast ระบบ LCD นั้นยังล้าหลังและเป็นรอง DLP ในเรื่องนี้แต่ทั้งสองเทคโนโลยีก็ยังมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อน LCD โปรเจคเตอร์นั้นมีค่า contrast ที่ 400:1 ซึ่งต่ำกว่า DLP อยู่เกือบเท่าตัว ปัจจุบันนี้ทั้งสองเทคโนโลยีได้เพิ่มค่า contrast จนสูงขึ้นมาก DLP โปรเจคเตอร์ส่วนมากมีค่า contrast อย่างต่ำอยู่ที่ 2000 :1 และสำหรับรุ่นพิเศษสำหรับ home theater มีค่า contrast ถึง 5000:1 ส่วนทาง LCD ก็ได้เพิ่มค่า contrast ให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน LCD โปรเจคเตอร์มีค่า contrast ที่ 1000:1 ขึ้นไป บางรุ่นมีค่า contrast สูงถึง 6000:1 ทีเดียว



เรื่องของน้ำหนัก ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนั่นเอง เนื่องจาก DLP ใช้ระบบการทำงานด้วย chip ที่มีขนาดเล็กไม่เหมือนกับ LCD ที่ต้องใช้แผ่นกระจก lcd ถึงสามแผ่น DLP โปรเจคเตอร์จึงมีน้ำหนักที่เบากว่า แต่ก็ไม่แน่เสมอไปทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการผลิตของแต่ละผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ด้วยเช่นกัน



DLP กับปัญหา Rainbow effect



เมื่อมีการพูดถึงข้อด้อยของ DLP ที่เกิดมาจากการใช้วงล้อสีในการสร้างภาพเป็นไปได้ว่าการทำงานลักษณะนี้ทำให้เกิด “ rainbow effect ” เนื่องจากขณะที่วงล้อสีถูกทำให้หมุนเพื่อทำให้เกิดภาพอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วนั้น ตาของเรามีความไวพอที่จะจับความเปลี่ยนแปลงได้ทัน ทำให้เราเห็นแสงลักษณะเหมือนสีรุ้งสะท้อนออกมาจากภาพ แต่ก็มีบางคนเท่านั้นที่จะเห็นความผิดปรกตินี้ได้ ส่วน LCD โปรเจคเตอร์นั้นมีวิธีการสร้างภาพด้วยสีที่แน่นอนโดยการสร้างสีจากสีแดง เขียว น้ำเงิน ไปออกเป็นภาพในช่วงเวลาเดียวกับผู้ที่ชมภาพจาก LCD โปรเจคเตอร์จึงไม่เห็นความผิดปรกตินี้เลย



Texas Instruments ได้ทำการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า แต่เดิมในยุคแรกของการผลิตนั้น DLP โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีการใช้วงล้อสีซึ่งหมุนด้วยความเร็ว 60 รอบต่อวินาที (60 Hz) ซึ่งจะเท่ากับ 3600 รอบต่อนาทีโดยเรียกว่า 1x ในระหว่างได้มีการออกวางจำหน่าย DLP โปรเจคเตอร์ในช่วงแรกนี้ก็ได้มีผู้พบเห็นความผิดปรกตินี้บ้างแล้ว ต่อมาในยุคที่สอง วงล้อสีได้ถูกพัฒนาความเร็วขึ้นเป็น 2x ซึ่งจะเท่ากับ 120 Hz คือวงล้อสีจะหมุน 7200 รอบต่อนาที การเพิ่มความเร็วขึ้นเป็นสองเท่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นความผิดปรกติของภาพน้อยลง



ปัจจุบันนี้ home theater DLP โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีวงล้อสีที่มีถึงหกสี (six-segment) ซึ่งมีสีแดง เขียว น้ำเงิน สองชุด วงล้อสีนี้หมุน 120 Hz ซึ่งเท่ากับ 7200 รอบต่อนาที และเนื่องจากสีที่เพิ่มเป็นสองชุดในหนึ่งรอบนี้เองจึงถูกเรียกว่ามีความเร็วเท่ากับ 4x ทั้งๆ ที่ความเร็วรอบยังเท่าเดิม เหตุผลใหญ่ที่ต้องใช้วงล้อที่มีหกสีและความเร็วรอบที่ 4x ก็เพื่อแก้ปัญหา “rainbow effect” นั่นเอง



LCD โปรเจคเตอร์แสดงภาพที่ซีดและจางลงเรื่อยๆ เมื่อใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะกับแผ่น LCD สีน้ำเงิน ซึ่งก็มีผลในการจัด balance ของสีทำให้ภาพมีสีผิดเพี้ยนไปและค่า contrast ก็ตกลงด้วย แต่ก็ไม่ต้องตกใจกลัวจนไม่กล้าใช้ LCD เนื่องจากการจะเกิดกรณีเช่นนี้ได้คงต้องใช้เวลานานพอสมควรซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ทีเดียว



ทั้ง DLP และ LCD ต่างก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อความพึงพอใจของผู้บริโภค ผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ต่างก็ได้ทำการแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองให้ดีขึ้นและปรับสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีสำหรับสถานที่ที่ใหญ่มากต้องการโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างมาก LCD โปรเจคเตอร์ยังเป็นผู้นำในด้านนี้อยู่ ในการใช้งานกับ home theater DLP โปรเจคเตอร์ยังนำหน้าอยู่เสมอในเรื่องสี contrast และคุณภาพของภาพซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ระบบ home theater ชื่นชอบอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างการเป็นผู้นำและผู้ตามของทั้งสองเทคโนโลยีนั้นลดน้อยลงทุกที ทั้ง DLP และ LCD ต่างก็มีความสามารถให้ภาพที่มีคุณภาพระดับสูงสำหรับ home theater ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว



DLP หรือ LCD เทคโนโลยีแบบใดจะดีกว่ากันนั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคนซึ่งจะเป็นผู้เลือกว่าเทคโนโลยีแบบใดจะดีที่สุดสำหรับบุคคลนั้น



ทิปจาก www.projector.co.th



COMPUTER.TODAY

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บริการ ซ่อม ประกอบ อัพเกรด คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ปริ้นเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง ปรึกษาปัญหาคอมพิวเตอร์
แนะนำการเลือกซื้อ สินค้า ไอที บริการ คอมพิวเตอร์ พื้นที่ จ.ลำปาง และจังหวัดใกล้เคียง โทร 054-010429 , 083 - 3235992
Copyright © online-ccs.com / Facebook : comcenter.service

ส่งซ่อม โน๊ตบุ๊ค Notebook ผ่าน EMS ทั่วประเทศ ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กรุงเทพมหานคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กระบี่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กาญจนบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กาฬสินธุ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กำแพงเพชร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ขอนแก่น , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค จันทบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ฉะเชิงเทรา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชลบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชัยนาท , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชัยภูมิ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชุมพร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เชียงราย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เชียงใหม่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตรัง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตราด , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตาก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครนายก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครปฐม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครพนม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครราชสีมา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครศรีธรรมราช , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครสวรรค์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นนทบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นราธิวาส , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค น่าน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค บึงกาฬ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค บุรีรัมย์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปทุมธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ประจวบคีรีขันธ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปราจีนบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปัตตานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พระนครศรีอยุธยา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พังงา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พัทลุง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พิจิตร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พิษณุโลก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เพชรบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เพชรบูรณ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค แพร่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พะเยา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ภูเก็ต , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค มหาสารคาม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค มุกดาหาร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค แม่ฮ่องสอน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ยะลา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ยโสธร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ร้อยเอ็ด , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ระนอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ระยอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ราชบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลพบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลำปาง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลำพูน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เลย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ศรีสะเกษ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สกลนคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สงขลา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สตูล , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรปราการ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรสงคราม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรสาคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สระแก้ว , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สระบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สิงห์บุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุโขทัย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุพรรณบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุราษฎร์ธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุรินทร์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค หนองคาย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค หนองบัวลำภู , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อ่างทอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุดรธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุทัยธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุตรดิตถ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุบลราชธาน